สูตรระบุเพศ =GENDER(A1) ใน Google Sheets: ระบุเพศจากชื่อได้อย่างง่ายดาย

การเข้าใจลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นเริ่มต้นจากการรู้จักว่าพวกเขาเป็นใคร — รวมถึงเพศของพวกเขาด้วย ไม่ว่าคุณจะต้องการปรับแต่งแคมเปญอีเมล แบ่งกลุ่มผู้ชม หรือวิเคราะห์ข้อมูลของคุณ การระบุเพศสามารถเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่ทรงพลังได้

ก่อนหน้านี้ เราได้แสดงวิธีการระบุเพศใน Google Sheets โดยใช้ส่วนเสริม GenderAPI ใน คำแนะนำทีละขั้นตอน — ซึ่งเป็นโซลูชันอันทรงพลังสำหรับการวิเคราะห์แบบกลุ่มด้วยอินเทอร์เฟซภาพ

ตอนนี้เราขอแนะนำวิธีใหม่ที่ง่ายกว่า: ฟังก์ชันสูตร =GENDER(A1)

สูตรแบบกำหนดเองอัจฉริยะนี้ช่วยให้คุณสามารถตรวจจับเพศได้จากทั้งชื่อ ที่อยู่อีเมล และชื่อผู้ใช้ — โดยตรงในสเปรดชีตของคุณ โดยไม่ต้องใช้ Add-On หรือการเขียนสคริปต์

ในบทความนี้ เราจะแนะนำวิธีใช้สูตร =GENDER(A1) และพารามิเตอร์เพิ่มเติมเพื่อเสริมข้อมูลลูกค้าของคุณอย่างรวดเร็วและอัตโนมัติ

ก่อนที่เราจะเข้าสู่คำแนะนำทีละขั้นตอน โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ติดตั้งส่วนเสริม GenderAPI สำหรับ Google Sheets แล้ว — เนื่องจากสูตร =GENDER(A1) จำเป็นต้องใช้ Add-On นี้ในการทำงาน
คุณสามารถ ดาวน์โหลด Add-On ได้ที่นี่ และทำตามขั้นตอนการตั้งค่าอย่างรวดเร็ว

🧩 วิธีใช้สูตร =GENDER ใน Google Sheets

ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้สูตร =GENDER() คุณต้องตั้งค่าระบบเล็กน้อยก่อน มาดูขั้นตอนการเตรียมตัวกัน:

✅ 1. เปิดแถบด้านข้างของ GenderAPI

  • ใน Google Sheets ไปที่เมนู ส่วนเสริม (Extensions)
  • เลือก GenderAPI → Determine Gender เพื่อเปิดแถบด้านข้าง

แถบควบคุม GenderAPI จะเปิดขึ้นทางด้านขวาของสเปรดชีตของคุณ

✅ 2. เข้าถึงหน้าสูตร =GENDER

  • ในแถบด้านข้าง ให้คลิก ไอคอนเมนู ที่มุมซ้ายบน
  • คุณจะพบคำแนะนำเกี่ยวกับการทำงานของสูตร และสามารถบันทึก API key ของคุณได้ที่นี่

✅ 3. ตั้งค่า API Key ของคุณ

  • ในส่วน =GENDER Formula ให้ใส่หรือวาง API key ฟรีของคุณ
  • คลิก SAVE เพื่อเปิดใช้งาน

💡 คุณสามารถขอรับ API key ได้ฟรีที่ แดชบอร์ด GenderAPI

✅ 4. ใช้สูตรในชีตของคุณ

ตอนนี้คุณก็พร้อมแล้ว! คุณสามารถใช้สูตร =GENDER() ได้โดยตรงในเซลล์ เช่น:

=GENDER(A2)

สูตรจะตรวจจับเพศจากค่าที่อยู่ในเซลล์ A2

คุณยังสามารถเพิ่มตัวเลือกเพิ่มเติมได้ เช่น:

=GENDER(A5, "email", "", true)

🛠️ พารามิเตอร์ของสูตร

พารามิเตอร์ คำอธิบาย
input ชื่อ ที่อยู่อีเมล หรือชื่อผู้ใช้
method "name" (ค่าเริ่มต้น), "email" หรือ "username"
country_filter ไม่บังคับ – รหัสประเทศ 2 ตัวอักษร เช่น "US", "DE", หรือ "TH"
additional_info ไม่บังคับ – หากตั้งค่าเป็น true จะคืนค่าเพศ พร้อม ความน่าจะเป็น ประเทศ และชื่อที่ถูกปรับให้อยู่ในรูปแบบปกติ

เมื่อเปิดใช้ additional_info ข้อมูลที่ได้จะเติมในคอลัมน์ถัดไปโดยอัตโนมัติ

📸 ตัวอย่างผลลัพธ์

นี่คือตัวอย่างการใช้งานจริง:

ใช้สูตร =GENDER(A1) เพื่อระบุเพศใน Google Sheets

✅ ข้อดีของการใช้สูตร =GENDER() ใน Google Sheets

  • เรียบง่ายและสะดวก
  • ไม่ต้องเขียนโค้ดหรือตั้งค่าซับซ้อน เพียงใส่สูตรลงในเซลล์แล้วเริ่มตรวจจับเพศได้ทันที

  • ใช้งานได้รวดเร็ว
  • เหมาะสำหรับการตรวจสอบข้อมูลอย่างรวดเร็วหรือชุดข้อมูลขนาดเล็กถึงกลาง และสามารถผสานเข้ากับการทำงานในชีตได้อย่างง่ายดาย

  • รองรับข้อมูลหลากหลาย
  • สามารถตรวจจับเพศจากชื่อ ที่อยู่อีเมล หรือชื่อผู้ใช้ได้ ทำให้เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย

⚠️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรพิจารณา

  • ไม่แนะนำสำหรับชุดข้อมูลขนาดใหญ่
  • Google Sheets มีข้อจำกัดรายวันสำหรับฟังก์ชันที่ใช้ UrlFetchApp
    ข้อจำกัดตามประเภทบัญชี:

    • บัญชี Gmail ส่วนตัว: 20,000 คำขอ/วัน
    • บัญชีเพื่อการศึกษา: 30,000 คำขอ/วัน
    • บัญชี Google Workspace / ธุรกิจ: 100,000 คำขอ/วัน
  • ต้องใช้ Add-On จึงจะทำงานได้
  • หากคุณแชร์ชีตกับคนที่ยังไม่ได้ติดตั้ง GenderAPI Add-On สูตรจะไม่ทำงานในฝั่งของพวกเขา

  • ไม่มีการบันทึกข้อมูลถาวร
  • หากถอนการติดตั้ง Add-On ผลลัพธ์ที่ได้จากสูตรจะหายไป เนื่องจากไม่ใช่ข้อมูลที่บันทึกถาวร

🎯 ควรใช้สูตรนี้เมื่อใด

สูตร =GENDER() เหมาะสำหรับ การวิเคราะห์ระยะสั้น การใช้งานที่ไม่หนักมาก หรือ สเปรดชีตส่วนบุคคล ที่เน้นความสะดวกในการใช้งานมากกว่าความทนทานในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม สำหรับ ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ เวิร์กโฟลว์ที่ต้องการความต่อเนื่อง เราขอแนะนำให้ใช้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบของ GenderAPI Add-On ซึ่งรองรับการประมวลผลจำนวนมากและบันทึกข้อมูลแบบถาวร

คำถามที่พบบ่อย

🗒️ ทำไมเซลล์ผลลัพธ์จึงมีโน้ตที่มีเนื้อหาเป็น JSON?

หากคุณเลื่อนเมาส์ไปที่เซลล์ผลลัพธ์ คุณจะเห็นสามเหลี่ยมเล็ก ๆ พร้อมโน้ตที่แสดงข้อความเช่น:
{"formula":"=GENDER(\"Name\",...)", "value":"male"}

โน้ตนี้จะถูกเพิ่มโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัดเครดิต API ของคุณ เนื่องจาก Google Sheets อาจคำนวณสูตรใหม่เมื่อมีการเพิ่ม ลบ หรือเลื่อนแถวหรือคอลัมน์ แม้ว่าข้อมูลจะไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม

เพื่อป้องกันการเรียก API ที่ไม่จำเป็นและการใช้เครดิตเกินความจำเป็น ระบบจะเก็บสูตรและผลลัพธ์ไว้ในโน้ต เมื่อมีการเรียกใช้สูตรเดิมอีกครั้ง ระบบจะตรวจสอบโน้ตก่อน และนำค่าที่บันทึกไว้มาใช้ แทนที่จะส่งคำขอใหม่

วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และป้องกันการสูญเสียโควตารายวันโดยไม่จำเป็น

🔌 จำเป็นต้องติดตั้ง GenderAPI Add-On เพื่อใช้สูตร =GENDER() หรือไม่?

จำเป็นต้องติดตั้ง Add-On ของ GenderAPI บน Google Sheets และให้สิทธิ์ใช้งานก่อน จึงจะสามารถใช้สูตร =GENDER() ได้

📧 ฉันสามารถใช้ที่อยู่อีเมลหรือชื่อผู้ใช้แทนชื่อได้หรือไม่?

ได้แน่นอน! สูตร =GENDER() รองรับการตรวจจับจากชื่อ ที่อยู่อีเมล และชื่อผู้ใช้ เพียงแค่ตั้งค่าพารามิเตอร์ที่สองให้เหมาะสม เช่น "email" หรือ "username"

🧩 จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันถอนการติดตั้ง Add-On?

หากลบ Add-On ออก ผลลัพธ์จากสูตรจะไม่แสดงอีก เนื่องจากเป็นค่าที่สร้างแบบไดนามิกและไม่ได้บันทึกไว้แบบถาวร

📊 สูตรมีข้อจำกัดการใช้งานรายวันอย่างไรบ้าง?

Google กำหนดโควตาการใช้งานรายวันสำหรับฟังก์ชันแบบกำหนดเองที่ใช้ UrlFetchApp:
• บัญชี Gmail ทั่วไป: 20,000 คำขอ/วัน
• บัญชีเพื่อการศึกษา: 30,000 คำขอ/วัน
• บัญชี Workspace/ธุรกิจ: 100,000 คำขอ/วัน

💾 ข้อมูลที่ได้จากสูตรจะถูกบันทึกถาวรหรือไม่?

ไม่ ข้อมูลจะไม่ถูกบันทึกแบบถาวร หากลบสูตรหรือปิดใช้งาน Add-On ค่าผลลัพธ์จะหายไป เว้นแต่ว่าคุณจะคัดลอกและวางเป็นค่าคงที่ด้วยตัวเอง

🔑 ฉันจะขอรับ API key ฟรีได้จากที่ไหน?

คุณสามารถลงทะเบียนและขอรับ API key ฟรีได้ที่แดชบอร์ดอย่างเป็นทางการของ GenderAPI ที่ app.genderapi.io